ในที่นี้ที่ขอยกตัวอย่างญี่ปุ่นเพราะประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ได้ชื่อว่าเจอภัยภิบัติต่างๆ
มากมายทั้งแผ่นดินไหว สึนามิ หรือแม้แต่โดนระเบิดปรมนูพังไป
แต่ประเทศญี่ปุ่นกลับฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วจนก้าวมาเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจโลกในระเวลาเพียงไม่ถึง
30 ปี ด้วยเหตุนี้ทำให้เป็นที่สนใจว่าเค้าทำอย่างไร
จนได้ไปเห็นถึงระบบการศึกษาในการขัดเกลา หล่อหลอมบุคลากรทั้งประเทศให้มีธาตุทรหด
ความอดทนสูง ควบคู่ไปกับการศึกษา โดยได้รับความสนับสนุนจากทั้งภาครัฐและเอกชน
ความเสียสละของทุกหมู่บ้าน ทุกครัวเรือน
ยอมสละให้บุตรหลานของตัวต้องโดนเคี่ยวเข็ญอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มคลานได้เลยทีเดียว
แม้จะปริปากบ่นกันบ้าง แต่พ่อแม่ก็ยังเต็มใจ เต็มที่ในการฝึกฝนเด็กๆ ของพวกเขาให้แข็งแกร่ง ด้วยรู้ว่าประเทศของตนตั้งอยู่ในแนวเขตแผ่นดินไหว และสึนามิ
ดังนั้นการฝึกให้มีความพร้อมอยู่เสมอจึงเป็นเรื่องสำคัญ การได้เรียนรู้จากประเทศที่ประสบความสำเร็จแล้วก็ดีกว่าต้องมาลองผิดลองถูกกัน
เป็นกำลังใจในการพัฒนาตัวเองดีด้วย เพราะอาจจะต้องใช้เวลาเป็นสิบๆปี ดังนั้นให้นำความรู้ที่เป็นประโยชน์นำมาใช้อย่างเต็มที่เก็บเกี่ยวสิ่งดีๆ ไว้
สิ่งใดที่ไม่ดีไม่เจริญ ขัดกับศีลธรรมเราก็ไม่นำมา
สำหรับเมืองไทยข้อดีข้อเด่นของเราคือความอุดมสมบูรณ์ในการบริโภค การมีประเพณี
วัฒนธรรมที่บรรพชนให้มา
การมีวัดวาอารามมีพระผู้ปฏิบัติปฏิบัติชอบซึ่งเป็นต้นแบบให้เราอย่างมากมาย คุณครูผู้ทุ่มเทเสียสละก็มีมาก ดังนั้นหากให้เด็กไทยได้เรียนรู้และพัฒนาสิ่งเหล่านี้ความรู้ ความดีงามก็จะยังคงอยู่คู่ประเทศไทยต่อไป
ดีกว่าไปหลงกับโลก cyber , ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปต่างๆ
หรือหลงมั่วเมาไปกับสิ่งเสพติด ซึ่งมีแต่ทำลายตัวเรา ครอบครัว และประเทศชาติ
การเลี้ยงลูกจึงไม่เพียงแต่เลี้ยงร่างกายให้เค้าเติบโตแข็งแรง
มีสุขภาพกายทีดีแล้ว ต้องเสริมสร้างพัฒนานิสัยต่างๆ ด้วยเพื่อให้ลูกของเราเป็นทั้งคนเก่งและคนดีมีความสุข
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น