วันอังคารที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

การเลี้ยงลูกแบบญี่ปุ่น (2)

     มีหลายคนถามว่าทำไมถึงพูดคุยกันแต่ประเทศญี่ปุ่นอย่างเดียวหล่ะ ประเทศอื่นๆ หรืออย่างประเทศไทยมีการเรียนอากรสอนไม่ดีตรงไหนกัน ?
     ในที่นี้ที่ขอยกตัวอย่างญี่ปุ่นเพราะประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ได้ชื่อว่าเจอภัยภิบัติต่างๆ มากมายทั้งแผ่นดินไหว สึนามิ หรือแม้แต่โดนระเบิดปรมนูพังไป แต่ประเทศญี่ปุ่นกลับฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วจนก้าวมาเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจโลกในระเวลาเพียงไม่ถึง 30 ปี ด้วยเหตุนี้ทำให้เป็นที่สนใจว่าเค้าทำอย่างไร จนได้ไปเห็นถึงระบบการศึกษาในการขัดเกลา หล่อหลอมบุคลากรทั้งประเทศให้มีธาตุทรหด ความอดทนสูง ควบคู่ไปกับการศึกษา โดยได้รับความสนับสนุนจากทั้งภาครัฐและเอกชน ความเสียสละของทุกหมู่บ้าน ทุกครัวเรือน ยอมสละให้บุตรหลานของตัวต้องโดนเคี่ยวเข็ญอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มคลานได้เลยทีเดียว แม้จะปริปากบ่นกันบ้าง แต่พ่อแม่ก็ยังเต็มใจ เต็มที่ในการฝึกฝนเด็กๆ ของพวกเขาให้แข็งแกร่ง ด้วยรู้ว่าประเทศของตนตั้งอยู่ในแนวเขตแผ่นดินไหว และสึนามิ ดังนั้นการฝึกให้มีความพร้อมอยู่เสมอจึงเป็นเรื่องสำคัญ การได้เรียนรู้จากประเทศที่ประสบความสำเร็จแล้วก็ดีกว่าต้องมาลองผิดลองถูกกัน เป็นกำลังใจในการพัฒนาตัวเองดีด้วย เพราะอาจจะต้องใช้เวลาเป็นสิบๆปี ดังนั้นให้นำความรู้ที่เป็นประโยชน์นำมาใช้อย่างเต็มที่เก็บเกี่ยวสิ่งดีๆ ไว้ สิ่งใดที่ไม่ดีไม่เจริญ ขัดกับศีลธรรมเราก็ไม่นำมา สำหรับเมืองไทยข้อดีข้อเด่นของเราคือความอุดมสมบูรณ์ในการบริโภค การมีประเพณี วัฒนธรรมที่บรรพชนให้มา การมีวัดวาอารามมีพระผู้ปฏิบัติปฏิบัติชอบซึ่งเป็นต้นแบบให้เราอย่างมากมาย คุณครูผู้ทุ่มเทเสียสละก็มีมาก ดังนั้นหากให้เด็กไทยได้เรียนรู้และพัฒนาสิ่งเหล่านี้ความรู้ ความดีงามก็จะยังคงอยู่คู่ประเทศไทยต่อไป ดีกว่าไปหลงกับโลก cyber , ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปต่างๆ หรือหลงมั่วเมาไปกับสิ่งเสพติด ซึ่งมีแต่ทำลายตัวเรา ครอบครัว และประเทศชาติ
การเลี้ยงลูกจึงไม่เพียงแต่เลี้ยงร่างกายให้เค้าเติบโตแข็งแรง มีสุขภาพกายทีดีแล้ว ต้องเสริมสร้างพัฒนานิสัยต่างๆ ด้วยเพื่อให้ลูกของเราเป็นทั้งคนเก่งและคนดีมีความสุข

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น